การออกกำลังกายในน้ำแบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ การออกกำลังกายในน้ำลึก “Deep Water Exercise” ออกกำลังกายในระดับน้ำลึกเท้าแตะไม่พื้น สระว่ายน้ำ
เหมาะกับผู้ชำนาญการออกกำลังกายในน้ำลึก ซึ่งมีประโยชน์ค่อนข้างมาก เพราะร่างกายทั้งส่วนบนและส่วนล่างได้ออกกำลังกายในน้ำที่ตื้น “Shallow Water Exercise” เป็นการออกกำลังกายในระดับความลึกของน้ำไม่มาก ตั้งแต่ช่วงเอวจนถึงหัวไหล่ เหมาะกับผู้ที่เริ่มการออกกำลังกายในน้ำ และยังว่ายน้ำไม่แข็ง
การออกกำลังกายในน้ำ เหมาะสำหรับ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือคนอ้วน ผู้ที่เป็นโรคข้อ เช่น ข้อเข่าเสื่อม เกาต์ วัยกลางคนหรือวัยทอง รวมถึงผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ การออกกำลังกายในน้ำจะช่วย ฟื้นฟูการบาดเจ็บกล้ามเนื้อและเอ็น เนื่องจาก แรงต้านน้ำทำให้การ เคลื่อนไหวร่างกายเป็นไป อย่างช้าๆ แต่ใช้กำลังกล้ามเนื้อมากขึ้น เสี่ยงต่อการบาดเจ็บน้อยที่สุด และน้ำยังมีคุณสมบัติ พิเศษช่วยให้การออกกำลังกาย ในน้ำดีต่อสุขภาพเพราะ…
น้ำมีแรงพยุงตัวลอยขึ้น ผู้ที่มีปัญหา โรคข้อหรือนักกีฬาที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อและข้อ สามารถออกกำลังกายในน้ำโดยไม่บาดเจ็บ และปลอดภัย
เพราะน้ำเป็นตัวกลางที่ช่วยพยุง น้ำหนักตัวไว้ ลดแรงกดกระแทกในแนวดิ่ง ลดแรงกดและ การรับน้ำหนักตามข้อต่อต่างๆ
น้ำมีแรงต้านการเคลื่อนไหวกล้าม เนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย ให้ทำงานเพิ่มขึ้น ไม่เสี่ยงกับการบาดเจ็บ เพราะน้ำช่วยต้านการ เคลื่อนไหวร่างกาย
น้ำมีแรงนวดและแรงบีบต่อร่างกาย ทุกส่วน มีแรงพยุงและแรงกดทำให้เกิดแรง นวดและการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดการเกร็ง กล้ามเนื้อ และยังทำให้การหมุนเวียนโลหิต ทั่วร่างกายดีขึ้น ลดการเมื่อยล้าของร่างกาย
อบอุ่นร่างกาย (warm-up) ก่อน 5-10 นาที ร่วมกับการยืดกล้ามเนื้อ (stretch- ing) โดยใช้เวลาออกกำลังกาย 30-45 นาที หลังจากออกกำลังกายเสร็จ ควรผ่อนคลาย (cool-down) ร่วมด้วย เพื่อป้องกันตะคริว
การออกกำลังกายในน้ำ คือ การ ออกกำลังกายกลางแจ้ง อาจจะต้องระวัง การถูกแสงแดดนานๆ แนะนำให้ใช้ครีม หรือโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF อย่างต่ำ 15pa++ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น เย็นสบายในช่วงอากาศร้อน ป้องกันการบาดเจ็บและเผาผลาญพลังงานได้มาก
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว… ก็เริ่ม ออกกำลังกายในน้ำกันได้เลย