แนะสังเกตรอยโรค “แดง-ขาว-แผล-ก้อน” ในช่องปาก 4 สัญญาณ เตือนเสี่ยงมะเร็ง

  • 18 ตุลาคม 2561
        กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย ผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป มีประวัติสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เคี้ยวหมากเข้าข่ายเสี่ยงมะเร็งในช่องปาก พร้อมแนะสังเกต “แดง-ขาว-แผล-ก้อน” สัญญาณเตือนระยะแรก
           นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า มะเร็งช่องปากเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของมะเร็งที่พบมากในประเทศไทย โดยโรคนี้มีอัตราการตายสูง มากกว่าร้อยละ 90 ของมะเร็งช่องปากเป็นชนิดสแควมัสเซลล์คาร์ซิโนมา (squamous cell carcinoma) ซึ่งเป็นมะเร็งชนิดที่มีความรุนแรงสูง พบอัตราการรอดชีวิตใน 5 ปีของประชากรทั่วโลกต่ำกว่าร้อยละ 50 และสามารถพบได้ทุกอวัยวะในช่องปาก ได้แก่ ลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก เหงือก เพดานปาก พื้นช่องปากใต้ลิ้น ลิ้นไก่ ต่อมทอนซิล และส่วนบนของลำคอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงของการเกิดโรคนี้คือ ผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป มีประวัติสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เคี้ยวหมาก หรือบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งสาเหตุของการเกิดมะเร็งช่องปากเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย คือ การสูบบุหรี่ รวมถึงยาเส้น ดื่มเหล้า การเคี้ยวหมาก การกินผักและผลไม้น้อย การติดเชื้อไวรัส HPV อนามัยช่องปากไม่ดี และมีฟันปลอมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เป็นต้น
          “การตรวจพบมะเร็งชนิดนี้สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก หากตรวจพบ และได้รับการรักษาโดยเร็ว จะช่วยลดความรุนแรงของโรค และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยได้ ซึ่งสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งช่องปากระยะแรกที่สามารถสังเกตรอยโรคก่อนมะเร็งช่องปาก คือ 1) พบรอยโรคสีแดง หรือสีแดงปนขาวเกิดขึ้นที่เนื้อเยื่อ ช่องปาก 2) พบแผ่นฝ้าสีขาว เช็ดไม่ออก บริเวณเนื้อเยื่อช่องปาก 3) พบแผลเรื้อรังในช่องปาก ไม่ทราบสาเหตุ และไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ และ 4) พบก้อนในช่องปาก หรือที่ลำคอ มีลักษณะแข็งเป็นไต ไม่มีอาการเจ็บ โดยบริเวณที่ตรวจ ได้แก่ ลิ้น ใต้ลิ้น ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณเตือนอื่นๆ ของมะเร็งช่องปากระยะแรกที่สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง เช่น มีอาการเจ็บคอเรื้อรัง เสียงแหบ กลืนลำบาก มีอาการชาที่ลิ้น ฟันปลอมที่เคยใส่ใช้ไม่ได้ หรือไม่พอดีเหมือนเดิม หากมีอาการดังกล่าว หรือตรวจพบรอยโรคก่อนมะเร็งในช่องปาก ให้ไปรับการตรวจชิ้นเนื้อ (biopsy) ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทันที” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
 
***
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ/ 22 มิถุนายน 2561
© DEPARTMENT OF HEALTH : MINISTRY OF PUBLIC HEALTH

ดาวน์โหลด eBook สุขภาพ

แหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสุขภาพพร้อมให้คุณดาวน์โหลดไปศึกษาฟรี!