#ANAMAINEWS กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะ โรคมะเร็งป้องกันได้ เริ่มต้นที่ตนเอง จากการปฏิบัติตนตามข้อแนะนำ กินอาหารที่มีประโยชน์สะอาดถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรตรวจสุขภาพหรือตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำทุกปี หากตรวจพบรอยโรคเร็ว จะสามารถป้องกัน ไม่ให้โรคลุกลาม
หรือรักษาให้หายขาดได้
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เนื่องในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันมะเร็งโลก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขจึงอยากให้ประชาชน ตระหนักถึงความร้ายแรงของโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย สาเหตุการเกิดโรคมะเร็งส่วนใหญ่ มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง คือ 1) เลี่ยงการสูบบุหรี่ งดดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งช่องปาก 2) เลี่ยงอาหารรสจัด อาหารหมักดอง เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร 3) เลี่ยงอาหารประเภทเนื้อสัตว์รมควัน ปิ้ง ย่าง ทอดจนไหม้เกรียม ซึ่งการกินอาหารปิ้งย่างบ่อยๆ หรือ กินเป็นประจำต่อเนื่อง อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ 4) เลี่ยงอาหารที่ใส่ดินประสิว (ไนเตรท) หรือ สารกันเสีย เช่น เนื้อสัตว์แปรรูป อาทิ ไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียง แหนม เป็นต้น หากซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือรับประทานเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ เช่น กระเพาะอาหารและลำไส้ได้ 5) เลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืด เพราะอาจปนเปื้อนพยาธิใบไม้หรือสารพิษจากแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด ทำให้เสี่ยงต่อเกิดมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี 6) เลี่ยงการรับมลพิษ ฝุ่นควัน สารพิษ สารเคมี เช่น บริเวณที่มีการเผาไหม้จากท่อไอเสียของเครื่องยนต์ ควันบุหรี่ การเผาขยะเผาหญ้า เผาเชื้อเพลิงที่ใช้ในโรงงาน รวมถึงช่วงเวลาที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอากาศสูง หากมีความจำเป็นต้องอยู่ในบริเวณดังกล่าวควรป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นควัน 7) เลี่ยงการได้รับแสงแดดจัดหรือแสงแดดโดยตรง โดยไม่ได้รับการป้องกันนานเกินไป เนื่องจากความร้อนสูงและรังสียูวี
ที่เป็นอันตรายต่อเซลล์อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ควรป้องกันโดยเลี่ยงการตากแดดในเวลาแดดจัดนานเกินไป หรือทาครีมกันแดด สวมใส่เสื้อผ้าและใช้อุปกรณ์กันแดดที่เหมาะสม
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า ประชาชนสามารถเฝ้าระวังตนเองเบื้องต้น ด้วยการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และผู้ที่มีอายุ 35 ปี ขึ้นไปหรือผู้ที่มีความเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็ง ได้แก่ 1) มะเร็งเต้านม แนะนำให้ผู้หญิงตรวจคัดกรองโดยคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ และการทำแมมโมแกรม (mammogram) 2) มะเร็งปอด แนะนำในคนอายุมากกว่า 55 ปี ที่สูบบุหรี่วันละประมาณ 1 ซอง มาเป็นระยะเวลาประมาณ 30 ปี หยุดสูบบุหรี่ไม่เกิน 15 ปี คัดกรองโดยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดรังสีปริมาณต่ำ 3) มะเร็งลำไส้ใหญ่ แนะนำในคนทั่วไป อายุตั้งแต่ 45-50 ปี คัดกรองโดยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ หรือการตรวจเลือดคัดกรองมะเร็ง เป็นต้น 4) มะเร็งต่อมลูกหมาก แนะนำในผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป คัดกรองโดยการตรวจเลือด ดูค่ามะเร็งต่อมลูกหมาก (PSA) 5) มะเร็งตับ คัดกรองในผู้ที่มีภาวะตับอักเสบหรือคนที่มีเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบ บี ควรตรวจคัดกรองโดยการอัลตราซาวด์ท้องช่วงบน และการตรวจค่ามะเร็งตับ (AFP) 6) มะเร็งช่องปาก ควรตรวจสุขภาพฟันและช่องปากอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อดูแลเหงือก ฟัน และความผิดปกติในช่องปาก หรือสังเกตรอยโรคด้วยตนเอง เป็นต้น
“ทั้งนี้ การคัดกรองมะเร็งเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ เพราะการตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพิ่มโอกาสในการรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดได้ รวมทั้งการดูแลตนเอง ให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี กินอาหารที่มีประโยชน์ สะอาดถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
***
กรมอนามัย / 3 กุมภาพันธ์ 2566