#ANAMAINEWS กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะพ่อแม่ผู้ปกครองในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบปัญหาหมอกควัน ต้องดูแลเด็กให้เลี่ยงทำกิจกรรมนอกบ้านเพื่อป้องกันความเสี่ยงสูดฝุ่น อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพตามมา
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ มีความห่วงใยสุขภาพประชาชนที่กำลังประสบปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคใต้ โดยสถานการณ์ล่าสุดพบว่า มีปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ที่ต้องเฝ้าระวังที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดยะลา ซึ่งหากมีค่าเกินมาตรฐานอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้ กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคหัวใจ และกลุ่มเด็ก เพราะเด็กมักชอบทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น การวิ่งเล่น กระโดด ปีนป่าย ทั้งที่สนามเด็กเล่น สนามกีฬา และลานกิจกรรม ในกรณีที่พบว่ามีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินมาตรฐาน ควรเปลี่ยนให้เด็กทำกิจกรรมในบ้านแทน หากเลี่ยงไม่ได้ควรให้เด็กสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองทุกครั้งเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากปอดของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่อัตราการหายใจถี่กว่าผู้ใหญ่ และเด็กยังมีภูมิต้านทานต่ำ โอกาสที่เด็กจะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็กจึงมากกว่าผู้ใหญ่ ทั้งนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถตรวจเช็คค่าฝุ่นละอองจากเว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ หรือแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า air4thai หรือจากเฟซบุ๊กเพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM2.5” ของกระทรวงสาธารณสุขที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนร้องเรียนหรือเสนอแนะ และเป็นศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือหรือสนับสนุนจากภาครัฐเมื่อเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ประสบภัย
“สำหรับปัญหาค่าฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หากพบว่ายังเกินมาตรฐานต่อเนื่อง พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรสังเกตอาการผิดปกติของเด็ก เช่น ระคายเคืองผิวหนัง แสบตา แสบจมูก น้ำมูกไหล ไอ คอแห้ง เจ็บคอ หายใจลำบาก อึดอัดแน่นหน้าอก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียน หากพบอาการดังกล่าว ให้รีบพาไปพบแพทย์หรือไปที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ให้เด็กดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวัน กินผักผลไม้ และผู้ปกครองควรดูแลบ้านให้สะอาด สำหรับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอดและหรือโรคหัวใจให้พกยาติดตัวเสมอ สำหรับประชาชนทั่วไปจะต้องป้องกันตนเองเบื้องต้น โดยปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในบ้านเรือน หรืออาคาร ควรสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากาก N95 เมื่อจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ส่วนผู้มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นหรือถ้ามีอาการผิดปกติให้รีบไปปรึกษาแพทย์หรือไปที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
***
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ/ 14 กันยายน 2562