กรมอนามัย แนะคนไทยสวดมนต์ข้ามปีที่บ้าน ลดเสี่ยงโควิด 19 ได้บุญเท่ากัน

  • 30 ธันวาคม 2563

         #ANAMAINEWS กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชวนประชาชนสวดมนต์ข้ามปีได้ในที่พักอาศัยของตนเอง เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลของการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในปีใหม่ ลดโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโควิด 19 แถมได้บุญเท่ากับสวดมนต์ที่วัด

          นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังคงต้อง เฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง จึงแนะนำให้พุทธศาสนิกชนเปลี่ยนมา สวดมนต์ข้ามปีอยู่ที่บ้านแทนเพื่อเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในปีใหม่ โดยสามารถหาบทคำสวดหรือใช้วิธีการสวดมนต์จาก สื่อออนไลน์ก็ได้ ซึ่งเชื่อว่าไม่ว่าจะสวดมนต์ที่ไหนก็ได้บุญเท่ากัน ขอให้มีจิตที่มั่นคงและมีสมาธิ ซึ่งการสวดมนต์ ที่บ้านยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์กันภายในครอบครัวได้อีกด้วย แต่เนื่องจากการสวดมนต์ข้ามปีมักใช้เวลานาน ก่อนสวดมนต์ จึงควรเตรียมร่างกายให้พร้อมโดยยืดเหยียดกล้ามเนื้อด้วยการยกแขนขึ้นลง เอียงตัวไปทางซ้าย ขวา กำมือ แบมือ ซึ่งทุกกลุ่มวัยสามารถทำได้ทั้งในลักษณะการยืนและนั่ง และหากมีเวลาพักในช่วงสวดมนต์ก็ควร เปลี่ยนอิริยาบถด้วยการเดินหรือการบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อแบบค้างนิ่งไว้ประมาณ 10-30 วินาที แต่ละท่า ทำอย่างน้อย 4 ครั้ง และเพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นในการยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้ยืดจนถึงจุดที่รู้สึกตึงแต่ไม่ใช่เจ็บ แล้วนิ่งค้างไว้ในท่านั้น ระหว่างการยืดเหยียดให้หายใจเข้า-ออกตามปกติ อย่ากลั้นหายใจ สำหรับผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาด้านข้อเข่าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจนั่งเก้าอี้แทนการนั่งกับพื้น เพื่อลดอาการปวดเข่าและ ทำให้สามารถสวดมนต์ได้ยาวนานขึ้น
         “ทั้งนี้ ก่อนสวดมนต์ควรเลี่ยงอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เน้นเนื้อปลา ผักและผลไม้ เลือกกินข้าวกล้องในปริมาณที่พอเหมาะแทนข้าวขาว ซึ่งอุดมไปด้วยใยอาหารช่วยไม่ให้ท้องผูก เพราะการกินข้าว ในปริมาณที่มากเกินไปเมื่อนั่งสวดมนต์นาน ๆ จะทำให้เกิดอาการแน่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย เป็นอุปสรรคต่อการสวดมนต์ได้” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

***

ศูนย์สื่อสารสาธารณะ / 30 ธันวาคม 2563

กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

เลขที่ 88/22 ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี

Email prnews@anamai.mail.go.th

โทรศัพท์ 0-2590-4053

ติดตามกรมอนามัย

เรามีสาระสุขภาพดีๆ ส่งตรงถึงอีเมลคุณทุกสัปดาห์

Subscription

© DEPARTMENT OF HEALTH : MINISTRY OF PUBLIC HEALTH