กรมอนามัย ห่วงวัยเรียน ‘อ้วน-เตี้ย’เพิ่ม แนะโรงเรียนจัดชุดอาหารกลางวัน สร้างโภชนาการดี

  • 24 มิถุนายน 2564

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยภาวะโภชนาการของเด็กอายุ 6 -14 ปี มีภาวะเริ่มอ้วน และ    อ้วน เตี้ย เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12.4 แนะแนวทางจัดชุดอาหารกลางวันที่เหมาะสม หมุนเวียน 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาสติปัญญาได้เต็มศักยภาพ

        

                นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ภาวะโภชนาการของเด็กอายุ 6 -14 ปี เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 พบว่า เด็กสูงดีสมส่วน และภาวะผอมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น กล่าวคือ สูงดีสมส่วน ร้อยละ 65.5 โดยมีเป้าหมาย ร้อยละ 66  มีภาวะผอม ร้อยละ 3.6 โดยมีเป้าหมาย ไม่เกินร้อยละ 5 แต่พบว่ามีภาวะเริ่มอ้วน และอ้วน เตี้ย เพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 12.4 ซึ่งการส่งเสริมให้เด็กได้รับอาหารและโภชนาการที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาสติปัญญาได้เต็มศักยภาพ ควรจัดอาหารหมุนเวียนเป็นรายเดือนหรือรายสัปดาห์ เพื่อให้นักเรียนได้รับอาหารที่หลากหลายในสัดส่วน        ที่เหมาะสม ปรุงประกอบอาหารเพื่อลดหวาน มัน เค็ม ไม่ใช้ผงชูรสในการประกอบอาหาร ซึ่งการจัดชุดอาหารกลางวันที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยเรียนควรหมุนเวียน 5 วันทำการต่อสัปดาห์ ตามมาตรฐานอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนไทย ซึ่งประกอบด้วย ข้าว และกับข้าวไม่น้อยกว่า 4 ครั้งต่อสัปดาห์ อาหารจานเดียว ไม่ควรเกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ผลไม้ทุกวันหรือไม่น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ขนมหวานไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ปลาหรือผลิตภัณฑ์จากปลาอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู เนื้อ หรือผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์อย่างน้อย    2 ครั้งต่อสัปดาห์ ไข่ 2-3 ฟองต่อคนต่อสัปดาห์ ตับ เลือด ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งก้าง อย่างละ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ถั่วเมล็ดแห้ง เผือกมันอย่างละ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยการสร้างการมีส่วนร่วมกับเด็กให้เด็กได้เลือก  เมนูที่ชื่นชอบ ผักที่ชื่นชอบ คุณครูปรับเมนูให้ได้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ

           “ทั้งนี้ นอกจากจัดเมนูอาหารหมุนเวียนเพื่อให้นักเรียนได้กินอาหารที่หลากหลายแล้ว ปริมาณอาหารที่เด็กนักเรียนควรได้รับในมื้อกลางวันก็สำคัญเช่นกัน โดย กลุ่มข้าว-แป้ง เด็กระดับอนุบาล (อายุ 3-5 ปี)  ควรได้รับ 1.5 ทัพพี ระดับประถมปีที่ 1-3 (อายุ 6-8 ปี) 2 ทัพพี ระดับประถมปีที่ 4-6 (อายุ 9-12 ปี) 3 ทัพพี ส่วนเนื้อสัตว์เด็กระดับอนุบาล (อายุ 3-5ปี) ควรได้รับ 1.5 ช้อนกินข้าว ระดับประถมปีที่ 1-3 (อายุ 6-8 ปี)  2 ช้อนกินข้าว ระดับประถมปีที่ 4-6 (อายุ 9-12 ปี) 2 ช้อนกินข้าว นอกจากนี้เด็กวัยเรียน ควรได้รับผัก 1 ทัพพี ผลไม้ 1 ส่วน และนม 1 แก้ว เพื่อเด็กเติบโตสมวัย” นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าว

            อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า หากเป็นอาหารจานเดียวถ้าเมนูที่เป็นผัดด้วยน้ำมันจะต้องจัดคู่กับผลไม้ ของหวานที่เป็นกะทิไม่ควรจัดคู่กับอาหารที่เป็นอาหารมัน เนื้อสัตว์ให้ในปริมาณที่เพียงพอและเป็นเนื้อย่อยง่ายสลับหมุนเวียนกัน โดยมีผักเป็นส่วนประกอบในอาหารทุกมื้อ ใช้เกลือหรือน้ำปลาผสมไอโอดีนในการปรุงอาหาร  อาหารว่างประเภทขนมปังที่มีไส้ ควรเลือกไส้ที่มีเนื้อสัตว์ เช่น ขนมปังไส้ไก่หยอง ขนมไทย ควรเลือกขนมที่มีส่วนประกอบของถั่วต่าง ๆ เช่น ขนมถั่วแปบ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ซึ่งเด็กวัยเรียนควรกินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น แต่มื้อเช้าสำคัญที่สุด เพราะจะทำให้เด็กมีสมาธิในการเรียน และควรจัดอาหารว่าง เช้าและบ่าย เพื่อเสริมโภชนาการจากอาหารมื้อหลัก ซึ่งปริมาณสารอาหารที่เด็กควรจะได้รับในแต่ละวัน เด็กวัยเรียนอายุ 6-8 ปี ควรได้รับพลังงานวันละ 1,400 กิโลแคลอรี่ เด็กอายุ 9-12 ปี ควรได้รับพลังงานอย่างน้อย 1,700 กิโลแคลอรี่

***

ศูนย์สื่อสารสาธารณะ / 24 มิถุนายน 2564

กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

เลขที่ 88/22 ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี

Email prnews@anamai.mail.go.th

โทรศัพท์ 0-2590-4053

ติดตามกรมอนามัย

เรามีสาระสุขภาพดีๆ ส่งตรงถึงอีเมลคุณทุกสัปดาห์

Subscription

© DEPARTMENT OF HEALTH : MINISTRY OF PUBLIC HEALTH