กรมอนามัย เตือน 3 สัญญาณ บ่งบอกเข้าสู่วัยทอง แนะ 5 เคล็ดลับ ให้หญิงวัย 45 อัพ รับมือ

  • 18 ตุลาคม 2565

           #ANAMAINEWS กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย 3 สัญญาณ เช่น ร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด อาจเป็นอาการเตือนเข้าสู่วัยทอง แนะ 5 เคล็ดลับ เตรียมรับมือหรือขอรับคำปรึกษา และตรวจสุขภาพวัยทอง ได้ที่คลินิกวัยทองใกล้บ้าน   

           นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 18 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีวัยทองโลก (World Menopause Day) เพื่อรณรงค์ให้สตรีที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ให้ความสำคัญและตระหนักในการเตรียมความพร้อมดูแลสุขภาพตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพของสตรีในช่วงใกล้หมดและหลังหมดประจำเดือน ซึ่งในช่วงอายุ 45 – 55 ปี เมื่อย่างเข้าสู่วัยทองจะพบการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย โดยเฉพาะการทำงานของรังไข่ที่สร้างฮอร์โมนเพศหญิงลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ จนถึงหมดประจำเดือน ถ้าประจำเดือนขาดหายไปครบ 1 ปี แสดงว่ารังไข่ ได้หยุดทำงานแล้ว ถือว่าได้เข้าสู่วัยทองอย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา สังเกตได้จาก 3 สัญญาณ บ่งบอกอาการวัยทอง คือ 1) จะมีอาการร้อนวูบวาบตามตัวและหน้าอก อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด เหงื่อออกมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน 2) ช่องคลอดแห้ง ผิวหนังแห้ง ปัสสาวะบ่อยหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ นอนไม่หลับ ความต้องการและความรู้สึกทางเพศลดลง              3) โรคที่เกิดจากความเสื่อมถอยของร่างกายตามอายุ ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะอ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก

           นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไป การดูแลสุขภาพเพื่อรับมือกับการเข้าสู่สตรีวัยทอง สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำ 5 วิธี คือ 1) กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง อาทิ นม โยเกิร์ต งาขาว  งาดำ ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว เป็นต้น แคลเซียมที่รับเข้าไปจะเป็นตัวเสริมสร้างกระดูก เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน และกินอาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจน ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้ง โดยเฉพาะถั่วเหลือง หรือผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองในปริมาณพอเหมาะจะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบของสตรีวัยหมดประจำเดือนได้  2) ลดอาหารประเภทแป้ง  อาหารมัน อาหารทอด อาหารเค็ม น้ำหวาน ชา กาแฟ หรืออาหารที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะอาจทำให้อารมณ์แปรปรวน และกระวนกระวายมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 3) ออกกำลังกายเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และให้ร่างกายได้รับแสงแดดบ้าง เพื่อช่วยในการสร้างวิตามินดี ซึ่งมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ โยคะ รำมวยจีน เมื่ออายุมากขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายที่ใช้แรงกระแทก โดยเฉพาะข้อเข่าที่รับน้ำหนักมาก อาจเป็นสาเหตุของข้อเข่าเสื่อม 4) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง จะช่วยเพิ่มความจำ ทำให้มีสุขภาพดี มีอายุยืนยาว และ 5) รู้จักผ่อนคลายความเครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส

           “ทั้งนี้ หากพบว่าอาการดังกล่าวมีความรุนแรงขึ้น หรือ มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน สามารถเข้ารับบริการคลินิกวัยทอง คลินิกส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งจะมีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการวัยทอง และให้บริการตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต ตรวจน้ำตาลและไขมันในเลือด ตรวจความหนาแน่นของกระดูก ตรวจมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม เพื่อประเมินอาการ รับคำแนะนำแนวทางการป้องกัน รักษา และดูแลตนเองที่ถูกต้อง ตามความเหมาะสมต่อไป” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว  

***

กรมอนามัย / 18 ตุลาคม 2565

© DEPARTMENT OF HEALTH : MINISTRY OF PUBLIC HEALTH

ดาวน์โหลด eBook สุขภาพ

แหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสุขภาพพร้อมให้คุณดาวน์โหลดไปศึกษาฟรี!