กรมอนามัย ห่วงแนวโน้มค่าฝุ่นละออง PM2.5 เพิ่มสูงขึ้น ย้ำตรวจเช็กคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน หากมีความเสี่ยงให้ป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากาก N 95 งดกิจกรรมกลางแจ้ง
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เผชิญปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เขตหนองแขม จุดสามแยก ข้ามป้อมตำรวจ เพชรเกษม 81 รีรมย์ เขตทุ่งครุ 61 ซึ่งคาดว่าช่วงนี้อากาศปิดฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้ม เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากลมอ่อนในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข และติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิดก่อนออกจากบ้าน ด้วยการดูค่า PM2.5 หรือค่า AQI ได้ที่เว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชั่น “Air4Thai” ของกรมควบคุมมลพิษ แต่ต้องแปลผลให้ถูกต้อง หากค่า PM2.5 อยู่ในช่วง 51–90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเท่ากับค่า AQI 101–200 อยู่ในระดับเกินมาตรฐานและเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) นอกจากนี้สามารถติดตามการแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงฝุ่น PM2.5 จากเฟซบุ๊กเพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM2.5 ” ของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้สังเกตที่สีเป็นหลัก หากเป็นสีส้มและสีแดง ซึ่งเป็นค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐานและมีผลกระทบต่อสุขภาพควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
“ทั้งนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ประชาชนต้องให้ความสำคัญคือการประเมินตนเองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ อาทิ มีอาชีพอยู่กลางแจ้งต้องสัมผัสฝุ่นเป็นเวลานาน หรืออาศัยในพื้นที่เสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ หัวใจและหลอดเลือด หากพบว่าเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท งดกิจกรรมหรือออกกำลังกายอย่างหนักกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่เสี่ยงฝุ่นสูง ถ้าจำเป็น ต้องไปให้สวมหน้ากากอนามัย สำหรับกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ทำงานที่ต้องสัมผัสกับฝุ่นละออง ฟูมโลหะ สารเคมี และอนุภาคประเภทที่มีพิษมากควรสวมหน้ากาก N95 และใส่ให้ถูกวิธี ที่สำคัญคอยสังเกตอาการตนเองและคนใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวีด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
***
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ / 12 ธันวาคม 2563