กรมอนามัย เตือน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโซเดียมสูง กินบ่อย เสี่ยง ‘ความดันสูง – หัวใจวาย’

  • 1 กุมภาพันธ์ 2565

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีโซเดียมสูงเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง หัวใจทำงานหนักขึ้น และหัวใจวายได้ในที่สุด แนะเลี่ยงเติมผงปรุงรสหมดซองและกินน้ำซุปหมดถ้วย และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ “ทางเลือกเพื่อสุขภาพ” เพื่อสุขภาพที่ดี

         

       นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีมีการโพสต์ภาพบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนำเข้าจากต่างประเทศยี่ห้อหนึ่ง พบปริมาณโซเดียมระบุบนซองสูงถึง 26,240 มิลลิกรัมเกินกว่า ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำต่อวัน โดยปริมาณโซเดียมที่ควรได้รับต่อวันไม่ควรเกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม หรือเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจึงต้องคำนึงถึงปริมาณโซเดียมด้วย เนื่องจาก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนใหญ่ห่อละประมาณ 60 กรัม หากกินหมดห่อจะได้รับโซเดียม 1,400 – 2,600 มิลลิกรัม ถ้าเป็นห่อใหญ่ขึ้น ปริมาณผงปรุงรสหรือเครื่องปรุงยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามขนาดผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้ร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณมากเกินความต้องการทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เพราะเมื่อร่างกายไม่สามารถกำจัดเกลือและน้ำส่วนเกินในร่างกาย จะทำให้เกิดการคั่งของเกลือและน้ำในอวัยวะต่าง ๆ ทำให้แขน ขา บวม เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก และหากร่างกายไม่สามารถขับโซเดียมออกได้ทัน จะเกิดการสะสมในร่างกายเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง และเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้เกิดหัวใจโตและหัวใจวายได้ในที่สุด

           “ทั้งนี้ ไม่แนะนำกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างเดียว เพราะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน เนื่องจากสารอาหารหลักในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คือ คาร์โบไฮเดรต ไขมันอิ่มตัว และโซเดียม จึงไม่ควรกินบ่อย  ควรต้มให้สุกอาจเพิ่มเนื้อสัตว์ ไข่ และผัก เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน เลี่ยงการกินดิบ เติมผงปรุงรสหมดซอง และกินน้ำซุปหมดถ้วย ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ “ทางเลือกเพื่อสุขภาพ” นอกจากนี้  บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เดียวที่อาจทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมเกินความจำเป็นต่อร่างกาย เครื่องปรุงรสประเภท น้ำปลา กะปิ เกลือ ซอสปรุงรส ซุปก้อน น้ำจิ้ม ยังแฝงไปด้วยโซเดียม รวมทั้งอาหารอื่นที่ไม่มีรสชาติ  เช่น ผงชูรส ผงฟู อีกด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว                                

***

กรมอนามัย / 1 กุมภาพันธ์ 2565

© DEPARTMENT OF HEALTH : MINISTRY OF PUBLIC HEALTH

ดาวน์โหลด eBook สุขภาพ

แหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสุขภาพพร้อมให้คุณดาวน์โหลดไปศึกษาฟรี!