
49 หรือ 56
หากไม่ป้องกัน ท้องเท่ากันนะ 

เพราะ วันที่ 26 กันยายน ของทุกปี ถือเป็นวันคุมกำเนิดโลก (World Contraception Day)
การคุมกำเนิดชั่วคราว หรือ การใช้ถุงยางอนามัย เป็นเรื่องที่คิดว่าทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี และใช้ได้ง่าย เรามาขยายเพิ่มเติมให้ทราบกันค่ะ

ข้อดีของการใช้ถุงยางอนามัย

นอกจากการป้องกันการท้องไม่พร้อมแล้ว ยังป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส โรคหนองใน โรคไวรัสตับอักเสบบี และ HPV (หูดหงอนไก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องปากและลำคอ มะเร็งทวารหนัก และ มะเร็งช่องคลอด/ปากช่องคลอด)
ใช้ได้เลยไม่ต้องรอปรึกษาแพทย์ ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง เห็นผลง่ายและป้องกันได้ทันที
พกพาสะดวก น้ำหนักเบา หาซื้อได้ง่าย ราคาถูก ใช้แล้วทิ้งได้เลย ช่วยยืดระยะเวลาหลั่งน้ำอสุจิได้ และไม่มีผลต่อการเจริญพันธุ์เมื่อเลิกใช้

วิธีใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง

1. ดู ก่อนใช้ ควรตรวจสอบซองบรรจุภัณฑ์มีสภาพเรียบร้อย ดูวันหมดอายุ ซองไม่มีรอยฉีกขาด

2. รีด ใช้มือรีดถุงยางอนามัยไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อป้องกันการฉีกขาด และบรรจุภัณฑ์ไม่รั่ว

3. ฉีกซองโดยระวังมิให้เล็บมือเกี่ยวถุงยางอนามัยขาด และอย่าคลี่ถุงยางอนามัยออกก่อนการสวมใส่

4. บีบปลายของถุงยางอนามัยเพื่อไล่ลมออก ถ้าเป็นปลายมนให้เหลือถุงยางไว้ประมาณ 1 เซนติเมตร มิฉะนั้นจะทำให้ถุงยางอนามัยแตกได้

5. รูดถุงยางอนามัยให้ขอบถุงยางอนามัยที่ม้วนอยู่ด้านนอก หากอวัยวะเพศไม่ได้ขลิบปลาย ให้รูดหนังส่วนปลายก่อนการสวมใส่ ค่อยๆรูดถุงยางอนามัยเข้าหาตัวจนสุดโคนอวัยวะเพศ

6. ถอดถุงยางอนามัย หลังจากมีเพศสัมพันธ์ทันที ก่อนที่ อวัยวะเพศจะอ่อนตัว ป้องกันการหลุด โดยใช้กระดาษทิชชูจับที่ขอบถุงยาง ควรระวังไม่ให้อสุจิไหลเปรอะเปื้อน ช่องคลอด และควรถอยห่างพอสมควร

7. ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วควรห่อให้มิดชิด แล้วทิ้งในถังขยะ ห้ามใช้ซ้ำ

หากเกิดความผิดพลาดในการใช้ถุงยางอนามัย หรือ มีการเสียหายของถุงยางให้รีบทานหายาคุมฉุกเฉินทันที (ภายใน 72 ชั่วโมง) หรือ ปรึกษาแพทย์ เพื่อหาวิธีคุมกำเนิดหากไม่พร้อมท้องโดยทันทีค่ะ
#สาระสุขภาพ #วัยเรียนวัยรุ่น #วัยทำงาน