#ANAMAINEWS กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย ภัยแล้งมีแนวโน้มรุนแรง ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เตรียมจัดการน้ำอุปโภคบริโภคที่สะอาด ปลอดภัยและเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ หวังลดปัญหาขาดแคลนน้ำและโรคที่เกิดจากน้ำเป็นสื่อ
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ปัญหาภัยแล้ง เป็นปัญหาสาธารณภัยที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2562 นั้น มีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรงในรอบ 30 ปี ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้น้ำอุปโภคและบริโภคของประชาชน เพราะนอกจากปริมาณน้ำจะมีน้อยลงแล้วความสะอาดของน้ำก็ลดลงด้วย ส่งผลให้เกิดการระบาดของโรคจากน้ำเป็นสื่อ เช่น อหิวาตกโรค อุจารระร่วง บิด เป็นต้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงควรเตรียมความพร้อมในการผลิตน้ำประปาให้สะอาดและเพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบประปาและระบบท่อส่งน้ำเพื่อลดปริมาณน้ำสูญเสียและลดการปนเปื้อน ที่สำคัญต้องเติมคลอรีนฆ่าเชื้อโรคในน้ำประปาให้มีคลอรีนหลงเหลือ 0.2-0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร รวมถึงวางแผนในการสำรวจ ตรวจสอบความพร้อมของแหล่งน้ำที่มีศักยภาพในชุมชนโดยเฉพาะบ่อน้ำบาดาล ต้องตรวจสภาพ ปริมาณและคุณภาพน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำรองไว้ใช้ในช่วงเกิดภัยแล้ง ซ่อมบำรุงรถบรรทุกน้ำและล้างทำความสะอาดส่วนที่ใช้บรรทุกน้ำให้พร้อมอยู่เสมอ พร้อมเผยแพร่ข่าวสารให้แก่ประชาชนในการเตรียมรับมือภัยแล้งอย่างถูกต้อง
นายแพทย์ดนัย กล่าวต่อไปว่า หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ ควรสำรองน้ำให้เพียงพอต่อการใช้ภายในหน่วยงาน เฝ้าระวังคุณภาพน้ำบริโภคในชุมชนโดยใช้ชุดทดสอบภาคสนามตรวจการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรียหากเป็นน้ำประปาควรตรวจหาคลอรีนอิสระในน้ำ และแจ้งผลการเฝ้าระวังดังกล่าวให้แก่หน่วยงานผลิตหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เพื่อร่วมกันจัดการคุณภาพน้ำให้สะอาด ปรับปรุงคุณภาพน้ำอย่างง่ายในครัวเรือน เช่น การใช้สารส้ม การต้ม การเติมคลอรีน และล้างภาชนะสำรองน้ำอย่างถูกหลักสุขาภิบาล สำหรับประชาชนทั่วไป ร้านอาหาร และสถานประกอบการขนาดเล็ก ควรวางแผนสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงภัยแล้งเพื่อบรรเทาความรุนแรง โดยหาภาชนะที่สะอาด ปลอดภัย มีฝาปิด มาสำรองน้ำไว้ใช้ในระยะเวลาหนึ่งตามอัตราการใช้น้ำ 200 ลิตรต่อคนต่อวัน ตรวจสอบภาชนะเก็บกักน้ำที่มีอยู่ เช่น โอ่ง ตุ่ม ถัง ซึ่งบางแห่งอาจจะไม่ใช้แล้ว นำมาล้างทำความสะอาดเตรียมไว้เพื่อใช้สำรองน้ำในช่วงเกิดภัยแล้ง ช่วยกันดูแลรักษาสภาพของแหล่งน้ำโดยการกำจัดวัชพืช ขุดลอก คู คลอง หนอง บึง สระ ที่เป็นแหล่งน้ำชุมชนให้สะอาดและสามารถเก็บกักน้ำได้มากขึ้น หากเกิดภัยแล้งอาจจะต้องใช้น้ำจากแหล่งน้ำนี้มาผลิตน้ำประปา
“ส่วนการนำน้ำจากแม่น้ำ ลำคลอง หรือแหล่งน้ำผิวดินแหล่งอื่นๆ มาใช้โดยตรง ควรปรับปรุงคุณภาพน้ำและฆ่าเชื้อโรคก่อน ด้วยการแกว่งสารส้มชนิดก้อนในน้ำและให้สังเกตตะกอนในน้ำ หากเริ่มจับตัวให้นำสารส้มออกตั้งทิ้งไว้จนตกตะกอน แล้วนำเฉพาะน้ำใสมาฆ่าเชื้อโรคโดยใช้หยดทิพย์ อ.32 ของกรมอนามัย ซึ่งเป็นสารละลายคลอรีนชนิดเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ ในอัตราส่วน 1 หยดต่อน้ำ 1 ลิตร หรือเติมผงปูนคลอรีนตามปริมาณที่กำหนด จากนั้นปล่อยให้มีระยะเวลาฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อย 30 นาที ก่อนนำไปใช้ ซึ่งจะช่วยป้องกันเชื้อโรค ที่ปนเปื้อนในน้ำ สำหรับพื้นที่ทุรกันดารที่ขาดแคลนน้ำสะอาด ก่อนนำมาดื่มควรต้มให้เดือดอย่างน้อย 1-2 นาที เก็บในภาชนะที่สะอาด มีฝาปิดมิดชิด” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
***
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ/ 1 พฤษภาคม 2562