กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจอนามัยโพลพบ คนไทยส่วนใหญ่ยังคงดูแลตัวเองและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าโรคโควิด-19 จะถูกลดระดับลงจากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากประกาศยกเลิกโรคโควิด-19จากการเป็นโรคติดต่ออันตรายและกำหนดให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง รวมถึงมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น กรมอนามัยได้มีการเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนด้วยเครื่องมือ “อนามัยโพล” เพื่อสำรวจพฤติกรรมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม (ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2565) มีผู้ตอบจำนวน 10,263 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคกันอย่างเคร่งครัด โดยร้อยละ 82.4 ยังคงทำตามมาตรการป้องกันโรค (สวมหน้ากาก ล้างมือ) เหมือนเดิม และดูแลตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม ร้อยละ 12.9 ในขณะที่ร้อยละ 4.7 ดูแลตนเองน้อยลง เมื่อแยกเป็นรายพฤติกรรม พบว่า ร้อยละ 91.8 สวมหน้ากากเมื่อป่วยหรือมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ร้อยละ 91.5 สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในสถานที่แออัด/พื้นที่ปิด/อากาศไม่ถ่ายเท ร้อยละ 91 ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ส้วม ร้อยละ 79 หมั่นทำความสะอาดบ้าน/ของที่ใช้ร่วมกัน เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได และร้อยละ 72 ตรวจ ATK เมื่อมีอาการป่วยและสงสัยว่าตนเองป่วยเป็นโรคโควิด-19
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าแนวโน้มการดูแลตัวเองส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางที่ดีแต่กลับพบว่าการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัดนั้นมีแนวโน้มลดลงทุกเดือน จากเดือนตุลาคมร้อยละ 93.6 เดือนพฤศจิกายน ร้อยละ 92.6 และเดือนธันวาคม ร้อยละ 86.3 ตามลำดับ ทั้งนี้ แม้ว่าโรคโควิด-19จะลดระดับลงเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง กรมอนามัยยังขอให้ประชาชนดูแลตัวเองให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่ที่มีคนแออัด ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังใช้ห้องน้ำหมั่นทำความสะอาดจุดสัมผัสต่าง ๆ ภายในบ้าน เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได รวมถึงหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่แออัด พื้นที่ปิด หรือพื้นที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท และตรวจ ATK เมื่อมีอาการที่เข้าข่ายต้องสงสัยว่าจะเป็นโรคโควิด-19 เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค และลดจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19”
***
กรมอนามัย / 16 มกราคม 2566