เผย กินอาหารไขมันสูง อาหารทอดมากเกิน เสี่ยงทำเด็กไทยโตก่อนวัย

  • 12 พฤศจิกายน 2561
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย เด็กไทยที่บริโภคอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอด มากเกิน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กไทยโตก่อนวัย แนะเพิ่มผักและผลไม้ในทุกมื้ออาหาร มีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม และนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อการเจริญเติบโตที่สมวัย
         แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากกรณีข้อมูลที่แชร์บนโลกออนไลน์ เรื่องการบริโภคไก่ ส่งผลให้เด็กเข้าสู่วัยสาวเร็วกว่าปกติ และส่งผลต่อการเจริญเติบโต ความจริงแล้วการมีภาวะเป็นสาวเร็วกว่าวัยเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ กรรมพันธุ์ ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไปจากอดีต ซึ่งปัจจุบันเด็กมีการบริโภคอาหารไขมันสูงเพิ่มขึ้น เช่น อาหาร fast food ทำให้มีปัญหาเรื่องอ้วน ซึ่งมีส่วนทำให้เป็นสาวเร็วก่อนวัย เพราะไขมันเป็นองค์ประกอบหลักของฮอร์โมนเพศหญิง หากได้รับไขมันมากเกินไป ร่างกายก็จะผลิตฮอร์โมนเพศหญิงออกมาเร็วกว่าปกติ
        แพทย์หญิงอัมพร กล่าวต่อไปว่า ข้อมูลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของกรมปศุสัตว์ที่มีการสุ่มเก็บตัวอย่างครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมกว่า 30,683 ตัวอย่างต่อปี ไม่พบการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต และได้มีการจัดทำมาตรฐานฟาร์มไก่เนื้อ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมปศุสัตว์ทั้งหมด และการใช้ฮอร์โมนเร่งโตเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 417 /2528 ลงวันที่ 23 กันยายน 2529 เพิกถอนทะเบียนตำรับยาสำหรับสัตว์ Hexoestrol ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ใช้ในสัตว์ปีก หากมีการลักลอบใช้ ถือว่าผิดกฎหมาย ในกรณีเด็กที่เป็นสาวก่อนวัยควรเข้ารับการตรวจเฉพาะทางคลินิกเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น การตรวจความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เนื่องจากเป็นแหล่งสร้างและหลั่งฮอร์โมนเพศ เป็นต้น
         “ทั้งนี้ วิธีป้องกันการเกิดภาวะเป็นสาวก่อนวัยคือ เพิ่มการบริโภคผักและผลไม้ ลดอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอด กินอาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ปริมาณพอเหมาะ มื้อละ 2-3 ช้อนกินข้าว ที่สำคัญคือ ต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณพอเหมาะ ดื่มนมรสจืดวันละ 2 แก้ว รวมถึงการมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม หรือออกกำลังกายจนรู้สึกเหนื่อยหอบอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน นอนหลับให้เพียงพอ จะทำให้เด็กสูงดีสมส่วน สุขภาพแข็งแรง มีการเจริญเติบโตเต็มศักยภาพ” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
 
 ***
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ / 7 กันยายน 2561

 

© DEPARTMENT OF HEALTH : MINISTRY OF PUBLIC HEALTH